Review 5 อันดับ วิตามินบำรุงสายตา ได้ผลดี ไอเทมบำรุงสายตาที่สายติดโซเชียลต้องมี!!!
วิตามินบำรุงสายตา ได้ผลดี ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ จะดีกว่าไหมถ้าเรามีดวงตาที่สดใสเป็นประกายอยู่ตลอดเวลา!! ในยุคดิจิตอลแบบนี้ ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าแทบจะทุกเพศทุกวัยต้องอยู่กับหน้าจอมือถือต่อวันเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง ไม่ว่าจะทำงาน ดูหนัง อ่านข่าว แชทกับเพื่อน
จนบางครั้งเราอาจรู้ตัวอีกทีก็ใช้สายตาติดต่อกันเป็นระยะเวลานานเกินไป จนรู้สึกตาล้า ตาเบลอ หรือบางรายถึงขั้นตาพร่าเลยก็ว่าได้ ดังนั้นการดูแลดวงตา การถนอมสายตา ร่วมกับทานอาหารเสริมบำรุงสายตาถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีไม่น้อยเลยใช่ไหมค่ะ!!
วันนี้เราจะมาแนะนำ 5 วิตามินสายตาตัวท็อปที่จะช่วยลดอาการตาล้า ตามัว ตาแห้ง หรืออาการเวียนหัวจากใช้สายตาที่มากเกินไป พร้อมวิธีง่ายๆในการดูแลสายตาที่ใครๆก็สามารถทำตามนี้ได้เลยค่า
วิตามินบำรุงสายตาได้ผลดี แร์ไอเทมที่สายติดโซเชียลต้องมี!!!
รีวิว 5 อันดับ วิตามินบำรุงสายตา ได้ผลดีที่สุดในตอนนี้!
1. Cherry Berry
ถ้าพูดถึงไอเทมตัวแรกอย่าง Cherry Berry เค้าเป็นแบรนด์น้องใหม่นำเข้าจากเกาหลี มาในรูปแบบผงชงดื่มง่าย พร้อมช่วยบำรุงสายได้ดี เพราะเค้ารวมสารสกัดจากเบอร์รี่ 7 ชนิด จากประเทศเกาหลีที่เข้าด้วยกัน
ซี่งเป็นการรวมผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่มีประโยชน์มาผนึกกำลังเพื่อช่วยบำรุงสุขภาพดวงตาป้องกัน และชะลอความเสื่อมของเซลล์ดวงตาและจอประสาทตา นอกจากนี้เค้ายังมีวิตามินเอ
ช่วยในการบำรุงสายตาช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดต้อกระจกอีกด้วย แถมยังมีวิตามินซีช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและ rice extract และ L Gluta ช่วยฟื้นฟูคอลลาเจน ต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวพรรณกระจ่างใส เรียกได้ว่าใครที่มองหาวิตามินผิวสวยตาใสต้องยกไปหามาตามกันแล้วค่า
ราคา 390 บาท ทานได้ 10 วัน
หากเพื่อนๆสนใจ Cherry Berry แอด Line ได้เลยค่ะ!
จุดเด่น เป็น SEVEN BERRY วิตามินเกาหลี 7 ชนิด เน้นสายตา แก้ตาพร่ามัว มองในที่มืดไม่ชัด เสริมผิวพรรณดี จากภายนอก สู่ภายใน
2. วิต’ทูโก วิตามิน เอ
สำหรับใครที่เป็นทดลอง ต้องยกให้วิตามินตัวนี้ เพราะเค้ามาในรูปแบบซองพกพา บรรจุ 2 แคปซูล ใน 1 ซอง โดยบส่วนผสมหลักจะมีวิตามินเอที่ช่วยในการมองเห็น ลดปัญหาตาแห้งและแพ้แสง อีกทั้งยังมี สารสกัด จากดอกดาวเรือง
ซึ่งจะเทียบเท่า ลูทีน 8 มิลลิกรัม, ทอรีน, อะเซโรลา เชอร์รีสกัด และ บิลเบอร์รีสกัด ที่ช่วยป้องกันแสงสีฟ้าที่มาทำลายดวงตาของเราอีกด้วย
และที่สำคัญหาซื้อง่าย ราคาย่อมเยาเหมาะกับผู้ที่เดินทางบ่อยๆ ไม่ต้องพกไปทั้งกล่องหรือจะหาซื้อใน 7-11 ก็ได้นะ หากใครที่อยากจะลองทานวิตามินแบบพกพาแล้วละก็ แนะนำตัวนี้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากค่า
ราคา 20 บาท (ทานได้ 1 วัน)
สอบถาม สั่งซื้อได้ที่ 7/11
3. Luteina ลูทีน่า
วิตามินบำรุงสายตาแบรนด์ไทยที่คุณภาพนั้นไม่น้อยหน้าแบรนด์ชั้นนำเลย โดยเค้ามีสารสกัดหลักจากดอกดาวเรืองธรรมชาติบริสุทธิ์ 100% จากอเมริกา โดยใน 1 แคปซูลประกอบไปด้วยลูทีนและ ซีแซนทีน
มีช่วยกรองแสงสีฟ้าที่เป็นอัตราต่อดวงตา ป้องกันและชะลอความเสื่อมของจอประสาทตา เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาสายตา คาพร่ามัว หรือผู้ที่ใช้สายตากลางแดดจ้า ที่สำคัญคือราคามิตรภาพจับต้องได้มากๆค่า
ราคา 150 บาท ทานได้ 5 วัน
สอบถาม สั่งซื้อได้ที่ Facebook : Luteina
4. DHC Blueberry Speed
หากพูดถึงแบรนด์วิตามินญี่ปุ่นแล้วคงไม่พูดถึงแบรนด์ DHC ไม่ได้ อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่โด่งดังในเรื่องวิตามินบำรุงสายตา กับ DHC Blueberry Speed เพราะเค้าปรับสูตรใหม่ มาในรูปแบบของซอฟเจล ดูดซึมไวกว่าสูตรปกติ 3 เท่า
ก็เพราะเค้ารวมจากสารสกัดจากบลูเบอรี่ป่าเข้มข้นเทียบเท่า 540 ผลมาไว้ในเม็ดเดียว พร้อมอุดมไปด้วย วิตามินและกรดอะมิโนกว่า 10 ชนิด ซึ่งตอบโจทย์มากๆ สำหรับผู้ที่ตาแห้ง แสบตาบ่อย ตาพร่า
หรือสายโซเชียลที่ใช้สายตาหนักๆ อย่างเราๆ เพราะเจ้าตัวนี้เค้ามีสรรพคุณช่วยลดอาการเคืองตา อาการแสบตา ตาล้า ทีนี้ก็หมดปัญหาตาแห้งหรือเคืองตาอีกต่อไป
ราคา 630 บาท ทานได้ 10 วัน
สอบถาม สั่งซื้อได้ที่ Facebook : DHC
5. Blackmores’Bilberry 2500
มาถึงตัวสุดท้าย กับผลิตภัณฑ์อาหารสริมชื่อดังจากประเทศออสเตรเลีย อย่างBlackmores’Bilberry 2500 ที่ผสานสารสกัดจากผลบิลเบอร์รี่ เทียบเท่าผลบิลเบอร์รี่สด สูงถึง 2,500 มิลลิกรัม
โดยผ่านกระบวนการควบคุมมาตรฐานอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ช่วยลดอาการตาพร่า ทำให้ดวงตาแข็งแรงมีชุ่มชื้นอยู่เสมอ อีกทั้งยังบรรเทาการอักเสบของดวงตาอีกด้วย
ราคา 630 บาท ทานได้ 15 วัน
สอบถาม สั่งซื้อได้ที่ Facebook : Blackmores
5 วิธีง่ายๆ ในการดูแลสายตาให้ลดอาการตาล้า ตามัว ตาแห้ง
1.การกระพริบ
เคยสังเกตุกันไหมค่ะเวลาที่เราจ้องหน้าจอนานๆ จดจ่อกับคอมพิวเตอร์หรือมือถือไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ดูหนัง ยูทูป หรือแม้กระทั่งแชทคุยกับเพื่อนเราก็มักเพ่งสายตาเป็นเวลานานๆ
จนเกิดอาการตาแห้งการกะพริบตาจะช่วยทำให้ดวงตามีน้ำตาหล่อเลี้ยงและปรับจูนการโฟกัสดวงตา พร้อมกับป้องกันสิ่งระคายเคือง จากแสงสีฟ้าจากหน้าจอและยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ดวงตาอย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นวิธีที่ง่ายและทำได้บ่อยด้วยค่า
2. การเลือกความสว่างของห้อง
ในปัจจุบันเราจะเห็นว่าการตกแต่งไฟในห้องมีหลากหลายโทนสีด้วยกัน บางห้องตกแต่งเพื่อความสวยงามด้วยลูกเล่นตามเฉดสีต่างๆ แต่ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่าหากเป็นห้องที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงาน
หรือเป็นห้องที่เราต้องใช้หน้าจอคอมอยู่เสมอเป็นระยะเวลนานก็ควรเลือกแสงสว่างให้เพียงพอต่อการใช้งานหน้าจอคอมพิวเตอร์ ลดอัตราการเพ่งเพื่อให้เราได้ใช้งานบนหน้าจอคอมได้อย่างสบายตา
3. การพักสายตา
การพักสายตาถือเป็นวิธีง่ายๆและควรทำอย่างยิ่งสำหรับใช้งานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานติดต่อกัน แบ่งเวลาจากการอยู่หน้าจอคอมไปพักสายตาด้วยการหลับตา หรือมองไปในที่ไกลๆหรือที่โปร่งโล่ง ทุกๆ 1 ชั่วโมง ประมาณ 10-20 หรือลุกจากที่นั่งเปลี่ยนอิริยาบท ก็จะช่วยทำให้ลดความตึงเครียดของดวงตาแถมยังเป็นการผ่อนคล่ายกล้ามเนื้อช่วยลดอาการเมื่อยล้าจากออฟฟิศซินโดรมได้ดีอีกด้วย
4. จิบน้ำเปล่าบ่อยๆ
อย่างที่ทราบกันดีว่าน้ำนั้นสำคัญและมีประโยชน์ต่อทุกส่วนในร่างกายอย่างมาก ใน 1 วันคนเราควรดื่มน้ำ 1.5 ลิตรต่อวัน เพื่อรักษาความสมดุลของน้ำในร่างกาย แต่การจิบน้ำนั้นก็สำคัญไม่น้อยไปกว่า เพราะจะช่วยป้องกันการตาแห้งได้ดี ใช้วิธีจิบน้อยๆ แต่จิบบ่อยๆเพื่อให้ร่างกายดุดซึมน้ำได้ดี ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยป้องกันตาอย่างเห็นผลเลยทีเดียวค่ะ
5. บริหารดวงตา
การบริหารดวงตาถือเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายๆ ได้ทุกที่การบริหารกล้ามเนื้อดวงตา เป็นการถนอมสายตาช่วยลดอาการตาล้า และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของดวงตา
1.นวดเบา ๆ รอบ ๆ ดวงตา จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อดวงตา ลดความตึงเครียดของดวงตา
2. มองออกไปข้างนอกบ้าง ในขณะที่เราใช้สายตาติดต่อกันเป็นระยะเวลาหนึ่ง ควรละสายตาจากหน้าจอหันระยะไกล เช่นต้นไม้เขียว ๆ ที่โปร่งโล่งเพื่อให้สายตาได้พักผ่อน
3. ท่าบริหารดวงตา การบริหารดวงตามีหลายหลายวิธีด้วยกัน แต่วันนี้ท่าที่เราจะนำมาฝากันเป็นเป็นท่าที่ง่ายและทำได้เป็นประจำคือ การกรอกตาเป็นวงกลมนั่นเอง การกรอกดวงตาเป็นวงกลม นั่งหน้าหน้าตรง คอตรง กรอกลูกตาหมุนเป็นวงกลม กรอกตาวนไปซ้ายต่อเนื่องกัน 10 ครั้ง
จากนั้นเปลี่ยนฝั่งมากรอกตาวนขวาต่อเนื่องกัน 10 ครั้ง สำหรับท่านี้ใครจะหลับตาหรือลืมตาก็ได้นะ แต่แนะนำให้หลับตาคุณจะรู้สึกเหมือนเหมือนได้พักสมองไปในตัวเลยแหละ
และนี่ก็เป็นวิธีง่ายๆที่เรานำมาฝากกันให้ทุกคนลองไปทำตามดูนะคะแต่อย่างไรก็ตามคงจะดีกว่าหากเราใช้สายตาอย่างพอดี หมั่นพักสายตาและบริหารสายตา และหากเป็นไปได้ไม่ควรทำงานหน้าจอเกินวันละ 4 ชั่วโมง เพื่อให้สายตาที่งดงามคู่เดิมของเราคงอยู่กับเราไปนานๆ
