6 แนวทางการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิด “ สิว ” และ 8 ประเภทของสิว
สิว นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นตัวการใหญ่ที่บดบังความสวยใสบนใบหน้าของใครๆหลายคน อะทิ สิวเสี้ยน สิวอุดตัน สิวผด หรือ สิวอักเสบ ไม่ว่าจะมีขนาดเม็ดใหญ่ เม็ดเล็ก ก็ยังเป็นปัญหาที่ไม่ว่าจะทำให้หายไปยังไงก็ต้องกลับมาเป็นอีกเหมือนเดิม บางทีนั้นอาจไม่ใช่สาเหตุจากฝุ่น หรือสิ่งสกปรกเพียงอย่างเดียว
แต่น่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพร่างกาย การรับประทานอาหาร และการพักผ่อนก็มีส่วนที่ทำให้เกิดสิวได้เช่นกันนะคะ ดังนั้น เรามารู้จักกับ 8 ประเภทของสิวแต่ละชนิด กันก่อนดีกว่าค่าาา …. ว่า สิว เกิดจาก สาเหตุอะไรได้บ้าง
8 ประเภทของสิว พร้อมลักษณะสิว สาเหตุการเกิดสิวแต่ละชนิด
1. สิวหัวดำ
สิวหัวดำ (Blackheads) หรือเรียกว่า สิวอุดตันแบบหัวเปิด หรือ สิวหัวดำ มีลักษณะภายนอกเป็นตุ่มนูน ขนาดเล็ก ที่บนสุดของตุ่มมีรูเปิดออกจนสามารถมองเห็นหัวสิวสีดำอยู่ตรงกลาง ซึ่งจุดสีดำนั้นเกิดจากการที่น้ำมัน (Sebum) ทำปฏิกิริยา+ oxidation กับออกซิเจนในอากาศ ทำให้มีการเปลี่ยนไขมันตรงจุดนั้นกล้ายเป็นสีดำ
2. สิวหัวขาว
สิวหัวขาว (Whiteheads) หรือเรียกว่าสิวอุดตันแบบหัวปิด หรือเรียกกันว่า สิวหัวขาว มีลักษณะภายนอกเป็นตุ่มนูน สิวยังไม่มีรูเปิด จึงมีการดันผิวหนังจนนูนขึ้นมา เมื่อลองใช้มือลูบสัมผัสจะรู้สึกเหมือนมีไตก้อนเล็กๆ บีบออกได้ยาก เพราะมีรากสิวที่ลึก สิวประเภทนี้เมื่อปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานๆ จะมีขยายขนาดขึ้น และพร้อมที่สกลายเป็นสิวอักเสบชนิดต่างๆ ได้สูง
3. สิวเสี้ยน/สิวอุดตัน
สิวเสี้ยน/สิวอุดตัน (Comedone) สิวเสี้ยน นั้นมีลักษณะเป็นเสี้ยนเล็กๆเหมือนกับชื่อของมันนั้นเลยค่ะ สิวเสี้ยนมักเกิดจากความผิดปกติชนิดหนึ่งที่บริเวณรูขุมขน มีลักษณะคล้ายกับการเกิดของสิวอุดตัน คือ เกิดจากความผิดปกติของผิวหนังบริเวณรูขุมขนที่ทำให้มีการหนาตัวของชั้นขี้ไคลผสมผสานกับมีการสะสมของขนอ่อนในรูขุมขนนั้นๆ
และอาจมีการพบเส้นขนได้มากถึง 5-50 เส้น กระจุกขนอ่อนพวกนี้แหละค่ะที่ทำให้เกิดลักษณะเป็นเสี้ยนสิวสีขาวๆ สิวเสี้ยนอาจพบได้ในหลายบริเวณที่มีรูขุมขนขนาดใหญ่ อย่างเช่นบริเวณ แผ่นหลัง ต้นแขน ต้นขา จมูก คาง ผิวระหว่างคิ้ว และเมื่ออายุเพิ่มขึ้นก็ยิ่งพบได้มากขึ้นอีกด้วย
4. สิวอักเสบแดงเป็นก้อน
สิวอักเสบแดงเป็นก้อน (Nodular Acne) เป็นสิวชนิดอักเสบแบบหนึ่ง มีลักษณะเป็นตุ่มสีแดงขนาดใหญ่ (มีขนาดประมาณเกิน 0.5 ซม. หรือมากกว่า) ซึ่งเกิดอยู่ใต้ผิวหนัง เมื่อจับดูจะรู้สึกเป็นไตแข็งๆและจะรู้สึกเจ็บ เกิดจากการที่มีแบคทีเรียและน้ำมันภายในตุ่มสิวแตกกระจายอยู่ใต้ผิวหนัง มักจะมีอาการอักเสบนานหลายวัน เมื่อหายอาจเกิดแผลเป็นได้
5. สิวชนิดตุ่มนูนแดง
สิวชนิดตุ่มนูนแดง (Papule) สิวอักเสบชนิดนี้ นั้นคือสิวตุ่มแดง ซึ่งจะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดงและเมื่อสัมผัสมีความเจ็บ มีขนาดเล็ก ไม่เกิน 0.5 ซม. สิวชนิดนี้เป็นอุดตันระยะแรกที่มีการพัฒนามาจากสิวอักเสบ ขนาดจะเล็กกว่าสิวแบบ Nodular Acne และไม่มีอาการเจ็บเท่าไหร่
6. สิวหัวหนอง
สิวหัวหนอง (Pustule) ก็สิวที่เกิดจากอักเสบเช่นเดียวกัน มีลักษณะเป็นตุ่มแดงและปวด ข้างบนสุดของตุ่มมีหัวหนองสีเหลืองขุ่น เป็นสิวที่มีอาการอักเสบที่มากกว่าสิวชนิด Papule หรือบางครั้งเกิดจากสิวมีการติดเชื้อแบคทีเรียอื่นแทรกซ้อน
7. สิวหัวช้าง
สิวหัวช้าง (Acne Conglobata) คือสิวอักเสบชนิดรุนแรงที่สุด มักเป็นเกิดกับผู้ที่มีผิวหน้ามันมากๆ หรือบางรายมีประวัติคนในครอบครัวเป็นสิวหัวช้างมาก่อนด้วย สิวหัวช้างมีลักษณะเป็นอาการของสิวอักเสบทุกชนิดขึ้นรวมกันอย่างหนาแน่น
ได้แก่ สิว pustule, สิว nodule และสิว cyst เมื่อหัวสิวแตก จะมีหนองเยอะ และมีเลือดไหลเยอะ สิวชนิดนี้มักมีจำนวนมากที่บริเวณใบหน้า หน้าอก และแผ่นหลัง
8. สิวเทียม สิวผด สิวหิน
สิวเทียม สิวผด สิวหิน (Acne Aestivale) สิวผด หรือสิวเทียม ที่บางคนมักเรียกกันคุ้นปากว่าสิวหิน นั้นเป็นเนื้องอกของต่อมเหงื่อ (Syringoma) จะเห็นเป็นตุ่มเล็กๆ จัดว่าเป็นผดที่อยู่บนผิวหน้า สิวจำพวกนี้เมื่อมีการสัมผัสกับแดดร้อนๆ ตุ่มจะชัดเจนขึ้น มีลักษณะเเข็ง
เพราะเป็นต่อมเหงื่อที่ไม่มีรูอยู่ใต้ผิวหนัง ส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณรอบตา เพราะต่อมเหงื่อจะเยอะ เกิดจากเวลาที่เรามีเหงื่อออกแล้วออกไม่หมด จึงทำให้ต่อมเหงื่ออุดตันจึงเกิดสิวผด ลักษณะแข็งๆ เม็ดเล็กๆ นอกจากนี้อาจจะมีอาการใบหน้าเห่อแดงเมื่อเจอแสงแดด หรือบางคนก็มีตุ่มหนองอักเสบร่วมด้วย
6 แนวทางการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดสิว
1 วิธีรักษา สิว เริ่มจากทำความสะอาดใบหน้า
วิธีรักษา สิว เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการหลีกเลี่ยงฝุ่นควันและล้างหน้าให้สะอาด : การเดินทางเข้าไปในสถานที่ที่มีแต่ฝุ่นควันเยอะๆ ก็อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวบนใบหน้า สิ่งสกปรกอาจลอยมาเกาะและเข้าไปในรูขุมขนจนเกิดการอักเสบ หรือการติดเชื้อได้ ที่สำคัญ หลีกเลี่ยงใบหน้าให้พ้นจากแสงแดด
เพราะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวผด แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เมื่อกลับมาที่บ้านให้รีบทำความสะอาดใบหน้าทันที หากใช้ผลิตภัณฑ์จำพวกโฟมล้างหน้าทำความสะอาด ขอแนะนำว่าไม่ควรใช้เกินวันละ 2 ครั้ง เพราะจะทำให้ผิวหน้าแห้งจนเกินไป ทางที่ดี ควรใช้น้ำเปล่าล้างหน้า จากนั้นจึงซับให้แห้ง
2 การดูแล สิว เพียงนอนให้เพียงพอ
การดูแล สิว เพียงไม่นอนดึกและอย่าอดนอน : สาวๆ บางคนมีความเชื่อที่ว่าจะนอนกี่โมงไม่สำคัญ เพียงแต่นอนให้ครบ 8 ชั่วโมงก็เป็นพอซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด
จากงานวิจัยส่วนใหญ่ นักวิจัยมักจะบอกเสมอว่าให้เรานอนตั้งแต่หัวค่ำ และให้ตื่นแต่เช้า เพราะช่วงเวลาก่อนเที่ยงคืน อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายจะทำงานได้ดีที่สุด ถึงแม้ว่าจะนอนครบชั่วโมงแต่ก็ยังคงไม่ดีต่อสุขภาพ อีกทั้งช่วงเวลาหลังเที่ยงคืน เส้นเลือดของเราก็ตีบ ทำงานได้ไม่เป็นปกติ
3 ลดสิว เร่งด่วน ด้วยอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และผิวในทุกมื้อ
ลดสิว เร่งด่วน ด้วยการทานอาหาร ต้ม นึ่ง ย่าง ไม่มีของมัน หรือหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมันๆ หรือของทอด : ยิ่งสาวๆ ทานอาหารที่มีน้ำมัน หรือของทอดๆ เยอะขึ้นเท่าไหร่ ปริมาณน้ำมันบนผิวหน้าของเราก็จะยิ่งเยอะตามไปด้วย นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการอุดตันในรูปขุมขนจนเกิดเป็นสิว หรือสิวเสี้ยนได้
4 สิว ดูแลด้วยการดื่มน้ำ เพื่อขับถ่ายของเสียอย่างเป็นประจำ
สิว ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว : ไม่ได้เป็นการกะเกณฑ์ว่าสาวๆ จะต้องดื่มน้ำให้ครบ 8 แก้วต่อวัน แต่อย่างน้อยเมื่อเราตื่นนอนก็ควรจะต้องไม่ลืมที่จะดื่มน้ำอย่างน้อย 1 แก้ว เพราะน้ำเป็นตัวช่วยให้ผิวชุ่มชื่น ยืดหยุ่น รวมถึงผิวหน้าของสาวๆ ด้วย
5 รักษา สิว ต้องรักษาความสะอาดรอบๆตัว
รักษา สิว ต้องรักษาความสะอาดของเครื่องนอน : บรรดาเครื่องนอนต่างๆ ที่เราต้องใช้อยู่ทุกวัน อย่าง ปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน เป็นสิ่งที่จะต้องสัมผัสกับผิวหน้าของเราโดยตรง เราไม่อาจรู้ได้ว่าเครื่องนอนเหล่านี้จะเป็นที่สะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียได้ในจำนวนที่มากขนาดไหน
ฉะนั้น เราจะต้องถอดออกมาทำความสะอาดบ่อยๆ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก็ทำความสะอาด 1 ครั้ง ก็จะช่วยลดสาเหตุของการเกิดสิวบนหน้าได้แล้ว
6 สมุนไพร รักษาสิว ง่ายๆ ที่ใครๆก็ทำได้
สมุนไพร รักษาสิว รักษาสิวด้วยวิธีธรรมชาติโดยการใช้สมุนไพร : มีสมุนไพรหลากหลายชนิดที่มีคุณสมบัติและกรดต่างๆ ในการรักษาสิว อย่าง การใช้น้ำมะนาว การใช้โยเกิร์ตผสมน้ำผึ้ง การใช้น้ำมันมะกอกและมะนาว นำมาทำเป็นสูตรพอกหน้าแบบต่างๆ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีเจ๋งๆ ที่ช่วยรักษาสิวในแบบธรรมชาติ ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหน้าของเราแล้ว
